
บิ๊กแมตช์เพียบ! พรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้ มีคู่ใหญ่สองสนาม ทั้งที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม และ เอติฮัด สเตเดี้ยม ขณะเดียวกัน คู่อื่นๆ ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เราไปดูกันได้เลยว่ามีอะไรบ้าง?!
“เลสเตอร์-ลิเวอร์พูล”
เลสเตอร์ ซิตี้ มีสถิติดียามเจอกับทีมแชมป์เก่าที่บ้านตัวเอง เมื่อพวกเขาสามารถล้มทีมที่เป็นแชมป์เก่าใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ได้ 2 จาก 4 เกมหลังสุด โดนเป็นการเอาชนะ เชลซี เมื่อฤดูกาล 2015/16 และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล 2018/19
เจมส์ แมดดิสัน มิดฟิลด์รูปงามของ “เดอะ ฟ็อกซ์” มีส่วนร่วมกับประตู 6 ครั้งจาก 6 เกมนัดหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อเล่นในบ้านตัวเอง โดยแบ่งเป็น 4 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์
ลิเวอร์พูล มีสิทธิ์เป็นทีมแรกที่สามารถบุกชนะ เลสเตอร์ ได้ 4 นัดติดต่อกัน นับตั้งแต่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยทำได้เมื่อปี 2003
ในความพ่ายแพ้สองเกมติดของ “หงส์แดง” แต่พวกเขาก็ไม่แพ้เกมลีกสามนัดติดต่อกันเลยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2014 สมัยที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือคนปัจจุบันของ เลสเตอร์ คุมทัพ
“แมนฯ ซิตี้-สเปอร์ส”
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลูบปากเสมอเมื่อเจอ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในถิ่นตัวเอง เมื่อพวกเขาเอาชนะได้ถึง 7 จาก 10 เกมที่เจอ “ไก่เดือยทอง” โดยแบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1
ย้อนไปเมื่อช่วงต้นซีซั่น 2020/21 นับตั้งแต่พ่ายต่อ สเปอร์ส เมื่อเดือนกันยายน ซิตี้ ก็ไม่แพ้ใครในลีก 14 นัดติดต่อกัน และ10 เกมหลังสุดเอาชนะได้ทุกนัด
นับตั้งแต่ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทัพ “ไก่เดือยทอง” ทีมของเขาสามารถเอาชนะ ซิตี้ ได้ทั้งสองครั้งที่เจอกัน ทว่าสองเกมดังกล่าวเป็นการเล่นในบ้านตัวเองทั้งหมด
หากทีมเยือนเอาชนะได้ในเกมนี้ จะทำให้ สเปอร์ส เป็นทีมแรกของกรุงลอนดอนทันทีที่สามารถเอาชนะทั้งสองทีมถึงเมืองแมนเชสเตอร์ ได้ในซีซั่นเดียว
“เวสต์บรอมวิช-แมนยู”
กุนซือของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อย่าง แซม อัลลาไดซ์ เคยคุมทีมเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ 2 จาก 3 ครั้งแรกที่เจอ “ปีศาจแดง” โดยเป็นการบุกชนะถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อฤดูกาล 2001/02 และ 2002/03 สมัยที่คุม โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส
อย่างไรก็ตาม นับจากนั้น “บิ๊กแซม” ยัดเยียดความปราชัยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แค่ครั้งเดียวจาก 22 นัด(เสมอ 5 แพ้ 16) ซึ่งชัยชนะนัดเดียวจากจำนวนนัดดังกล่าวเกิดขึ้นตอนคุม ซันเดอร์แลนด์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 บิ๊กแมตช์เพียบ!
“เดอะ แบ๊กกี้ส์” เป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดใน พรีเมียรย์ลีก ฤดูกาลนี้(54) ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่ยิงประตูมากที่สุด(49) โดยประตูต่อไปของ “ปีศาจแดง” จะทำให้พวกเขาทำสกอร์แตะ 50 ลูกจาก 24 นัด ซึ่งเป็นการใช้จำนวนนัดน้อยที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2012/13 สมัยเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีม(ตอนนั้นใช้เวลา 20 เกม)
ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้ต่อทีมที่อยู่ในโซนตกชั้น(ชนะ 10 เสมอ 2 แพ้ 4) มากกว่าที่พวกเขาปราชัยต่อทีมกลุ่มท็อปโฟร์(ชนะ 5 เสมอ 5 แพ้ 2) เสียอีก และเกมล่าสุดที่แพ้ก็คือแพ้ต่อ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในโซนสีแดง
เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยของ “ปีศาจแดง” มองหาการทำประตู 3 นัดติดต่อกันในลีกให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2019 ครั้งอยู่ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง โดย 3 ประตูแรกของ คาวานี่ กับ แมนยู นั้นเกิดขึ้นในฐานะการลงเป็นตัวสำรอง ขณะที่ 3 ประตูหลังเกิดขึ้นจากการลงเล่นเป็นตัวจริง
“อาร์เซน่อล-ลีดส์”
นับตั้งแต่ปราชัยต่อ เวสต์บรอมวิช และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2010/11 จากนั้น อาร์เซน่อล ไม่แพ้เกมลีกในบ้านตัวเองมาแล้ว 27 นัดกับการเจอทีมน้องใหม่(ชนะ 23 เสมอ 4 )
บูกาโย่ ซาก้า ปีกดาวรุ่งของ “ปืนใหญ่” เป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์โอกาส และเรียกฟาวล์ ได้มากที่สุดในทีม อาร์เซน่อล ใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ด้วยตัวเลข 26 และ 42 ตามลำดับ นอกจากนี้เจ้าตัวทำประตูไปแล้ว 5 ลูก และแอสซิสต์ได้อีก 2 ครั้ง โดยมีแค่ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ เท่านั้นที่มีตัวเลขการมีส่วนร่วมกับประตูได้มากกว่าเขา(10 ลูก)
ลีดส์ ที่มี มาร์เซโล่ บิเอลซ่า คุมทัพไม่สามารถทำประตูใส่ อาร์เซน่อล ได้เลยในการเจอกัน 2 นัดทุกรายการ(เสมอ 1 แพ้1) ซึ่งเป็นทีมเดียวที่ บิเอลซ่า ไม่สามารถพาลูกทีมยิงประตูได้(นับเฉพาะคู่แข่งที่เจอกันมากกว่า 1 นัด) โดยสองเกมที่ผ่านมามีลูกทีม “ยูงทอง” ของขรัวเฒ่าอาร์เจนไตน์ มีโอกาสส่องประตูรวมกันถึง 16 คนรวมกันทั้งสิ้น 43 ครั้ง
“เอฟเวอร์ตัน-ฟูแล่ม”
เอฟเวอร์ตัน เก็บชัยชนะได้ตลอด 14 นัดกับการเจอ ฟูแล่ม ในบ้านตัวเองในศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์กับการชนะคู่แข่งในบ้านตัวเอง 100%
อย่างไรก็ตาม “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ไม่ชนะเกมลีกในบ้านตัวเองมาแล้ว 3 นัด(เสมอ 1 แพ้ 2) ซึ่งการไม่ชนะที่ กูดิสัน พาร์ค 4 เกมติดต่อกันครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ปี 2019 โดยทาง คาร์โล อันเชล็อตติ ไม่เคยคุมทีมไม่ชนะในบ้านตัวเอง 4 นัดติดนับตั้งแต่ปี 2007 สมัยคุม เอซี มิลาน (9 นัด)
เกมคู่นี้ ทีมเจ้าบ้านเป็นฝ่ายเอาชนะได้ถึง 23 จาก 29 นัด แต่เกมแรกที่เจอกันเป็นฝั่งทีมเยือนอย่าง เอฟเวอร์ตัน ที่บุกชนะถึงถิ่ง คราเว่น คอตเทจ 3-2 ขณะเดียวกัน ฟูแล่ม มองหาการไม่แพ้เกมนอกบ้านในลีก 5 นัดติด
“เชลซี-นิวคาสเซิล”
ในการเจอกับ นิวคาสเซิล ของ เชลซี ในบ้าน พวกเขาแพ้นัดเดียวจาก 25 นัดในศึก พรีเมียร์ลีก(ชนะ 18 เสมอ 6) โดยการพ่ายแพ้นั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2012
“สิงห์บลูส์” มองหาชัยชนะในบ้านเกมที่ 8 ติดต่อกันเหนือคู่แข่งหน้าเดิมให้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เอาชนะ เวสต์บรอมวิช ในบ้าน 9 เกมติดระหว่างปี 1984 ถึง 2013
นิวคาสเซิล เอาชนะทีมในกรุงลอนดอน มาแล้ว 2 เกมในซีซั่นนี้ โดยเป็นการบุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ คริสตัล พาเลซ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยชนะที่เมืองหลวง อังกฤษ 3 เกมในซีซั่นเดียวกันได้เลย นับตั้งแต่ฤดูกาล 2013/14
มิเกล อัลมิรอน ตัวรุกของ “เดอะ แม็กพายส์” ทำประตูได้ 3 ลูกจาก 4 เกมหลัง ซึ่งเทียบเท่ากับก่อนหน้านี้ 32 นัด ทว่า 4 ประตูที่เขาทำได้ในซีซั่นนี้เกิดจากเกมที่เล่นในบ้านตัวเอง